top of page

เตรียมห้องปฏิบัติการให้เหมาะสม สำหรับการติดตั้งเครื่องทดสอบ Q-FOG Corrosion Tester

เมื่อพูดถึงการทดสอบความทนทานของวัสดุ หลายคนอาจนึกถึงแบรนด์ Q-LAB ที่มีชื่อเสียงด้านการจำลองสภาวะอากาศแบบเร่งสภาวะ อย่าง QUV แต่ทราบหรือไม่ว่า Q-LAB ยังเป็นผู้นำด้านการทดสอบการกัดกร่อนด้วยเช่นกัน !!


เครื่องทดสอบการกัดกร่อน Q-FOG Corrosion Tester ของแบรนด์ Q-LAB ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและถูกใช้งานในแบรนด์รถยนต์ชั้นนำระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Nissan, Toyota, GMW, Volvo และอีกหลายแบรนด์ชั้นนำ


ด้วยเหตุนี้ การเตรียมความพร้อมของสถานที่อย่างเหมาะสมก่อนการติดตั้ง จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้ใช้งานไม่ควรมองข้าม เพื่อให้เครื่องทดสอบสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น เต็มประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน


ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงการเตรียมห้องปฏิบัติการสำหรับติดตั้งเครื่อง Q-FOG โดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการลงทุนในเครื่องมือทดสอบนี้จะคุ้มค่า และสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยไม่เกิดปัญหาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม !!




Corrosion


ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนการติดตั้ง

Q-FOG Corrosion Tester



1. การตรวจสอบพื้นที่และขนาด


ผู้ใช้งานควรตรวจสอบพื้นที่ติดตั้งให้แน่ใจว่ามีขนาดห้องปฏิบัติการเพียงพอสำหรับรุ่นของเครื่องทดสอบ Q-FOG และควรมีพื้นที่ว่างโดยรอบตัวเครื่องเพื่อความสะดวกในการบำรุงรักษาและเข้าถึงส่วนต่างๆ ของเครื่อง


โดยเครื่องทดสอบการกัดกร่อน Q-FOG เป็นเครื่องทดสอบการกัดกร่อนที่เชื่อถือได้ และใช้งานง่ายที่สุด โดยมีขนาดให้เลือก 2 ขนาด คือ 600L และ 1100L เพื่อตอบสนองความต้องการในการทดสอบที่หลากหลาย


Q-FOG SSP Model:

เหมาะสำหรับการทดสอบแบบดั้งเดิม เช่น การพ่นละอองเกลือ และการทดสอบ Prohesion ได้ ซึ่งเป็นวิธีการทดสอบที่ใช้กันแพร่หลาย


Q-FOG CCT Model:

สามารถทำการทดสอบการพ่นละอองเกลือแบบดั้งเดิม, การทดสอบแบบเปียก/แห้งแบบวนรอบ (Cyclic Corrosion Testing) และการทดสอบความชื้น 100% เพื่อรองรับการทดสอบแบบหลากหลายที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง



Corrosion
Q-FOG รุ่น SSP และ CCT

Corrosion
Corrosion
ขนาดเครื่อง Q-FOG รุ่น SSP และ CCT

Corrosion
ระยะตำแหน่งวางเครื่อง Q-FOG รุ่น SSP และ CCT

Q-FOG รุ่น CRH:

เป็นเครื่องทดสอบการกัดกร่อนที่ครบวงจร สามารถทำการทดสอบได้หลากหลายประเภทและมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าเครื่องทดสอบรุ่นอื่นๆ

ได้แก่:


1. การพ่นละอองเกลือแบบดั้งเดิม (Salt Spray) ตามมาตรฐาน ASTM B117 และ ISO 9227

2. การทดสอบ Prohesion: เป็นการทดสอบแบบวนรอบที่เลียนแบบสภาพแวดล้อมจริงมากขึ้น

3. ทดสอบแบบเปียก/แห้งแบบวนรอบ (Cyclic Corrosion Testing) ที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้เกือบทุกประเภท

4. ควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ได้อย่างแม่นยำตามต้องการ

5. ควบคุมเวลาการเปลี่ยนสภาวะได้อย่างแม่นยำ

6. มีฟังก์ชันการฉีดน้ำฝน

7. ความสามารถในการเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการทดสอบยานยนต์ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงสภาวะอย่างรวดเร็ว


Corrosion
Q-FOG รุ่น CRH

Corrosion
Corrosion
ขนาดเครื่อง Q-FOG รุ่น CRH
Corrosion
ขนาด Air Preconditioner
Corrosion
ระยะตำแหน่งวางเครื่อง Q-FOG รุ่น CRH



2. ระบบไฟฟ้า


เครื่องทดสอบ Q-FOG ต้องการระบบไฟฟ้าที่มีความเสถียรและมีกำลังไฟเพียงพอ ควรติดตั้งปลั๊กไฟและสายไฟที่ได้มาตรฐานและเป็นไปตามข้อกำหนดทางเทคนิคที่ระบุไว้สำหรับแต่ละรุ่น เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่เสถียรของกระแสไฟฟ้า และควรมีเครื่องกรองกระแสไฟ แบบ Stabilizer เพื่อป้องกันไฟตก / ไฟกระชาก ซึ่งอาจจะส่งผลต่อระบบการทำงานของเครื่องทดสอบ


ปริมาณไฟฟ้าที่เครื่อง Q-FOG ต้องการ


Corrosion

Corrosion



สามารถอ่านรายละเอียดระบบไฟฟ้าของ Q-FOG เพิ่มเติมได้ที่นี่

Q-FOG SSP และ CCT (หัวข้อ Electrical หน้าที่ 21-23)


Q-FOG CRH (หัวข้อ Electrical หน้าที่ 28-34)




3. ระบบน้ำ


เครื่องทดสอบ Q-FOG ทุกรุ่น จำเป็นต้องใช้น้ำบริสุทธิ์ในการสร้างหมอกไอเกลือ และ/หรือ ความชื้นสัมพัทธ์ในเครื่องทดสอบ ดังนั้น การเตรียมระบบน้ำบริสุทธิ์ เช่น เครื่องกรองน้ำ DI (De-ionized) ที่มีคุณภาพสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญ


ต้องใช้ท่อจ่ายน้ำจากเครื่องกรองน้ำที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางภายในขนาด 9 มม. (3/8 นิ้ว) เพื่อเชื่อมต่อกับช่องทางน้ำเข้าที่ด้านหลังของตัวเครื่อง โดยเครื่อง Q-FOG มีจุดระบายน้ำหลายจุด เพื่อกำจัดน้ำเกลือไปยังท่อระบายน้ำทิ้ง



แรงดัน และปริมาณน้ำที่เครื่อง Q-FOG ต้องการ


Corrosion
Corrosion


หมายเหตุ:   ท่อระบายน้ำทิ้ง ไม่ได้ ถูกจัดมาให้พร้อมกับเครื่องทดสอบ Q-FOG ผู้ใช้งานจะต้องจัดหาท่อระบายน้ำที่มีขนาดเหมาะสมเพื่อใช้เชื่อมต่อจุดระบายน้ำของเครื่อง Q-FOG



สามารถอ่านรายละเอียดระบบน้ำของ Q-FOG เพิ่มเติมได้ที่นี่

Q-FOG SSP และ CCT (หัวข้อ Water Supply หน้าที่ 25-30)


Q-FOG CRH (หัวข้อ Water Supply หน้าที่ 37-43)




4. ระบบอากาศ Compressed Air


  • อากาศที่จ่ายเข้ามาต้องสะอาด แห้ง และปราศจากน้ำมัน

  • สิ่งเจือปนที่เป็นของแข็ง, น้ำ, น้ำมัน หรือสารปนเปื้อนอื่นๆ ในอากาศ อาจส่งผลกระทบต่อผลการทดสอบได้ และยังอาจทำให้หัวฉีดละออง, โซลินอยด์วาล์ว หรือเช็ควาล์วอุดตัน และก่อให้เกิดปัญหาในการบำรุงรักษาได้

  • ห้ามติดตั้งอุปกรณ์หล่อลื่น (lubricator) เข้าไปในระบบ Compressed Air โดยเด็ดขาด

  • แรงดันอากาศที่จ่ายเข้ามาควรอยู่ในช่วง:

40-150 psi (2.8 – 10.3 bar) สำหรับรุ่น SSP และ CCT

60-150 psi (4-10 bar) สำหรับรุ่น CRH


  • ให้ตั้งค่าแรงดันที่ตัวควบคุมแรงดันไว้ที่

40 psi สำหรับรุ่น SSP และ CCT

60 psi สำหรับรุ่น CRH และสำหรับเครื่องทดสอบรุ่น TSSB

จะมีตัวควบคุมแรงดันสำหรับระบบฉีดน้ำเพิ่มเติม ควรตั้งค่าไว้ที่ 40 psi (2.8 bar) 


  • ปริมาตรอากาศ: สูงสุด 3.5 CFM (1.7 LPS)

  • ต้องใช้ท่อจ่ายอากาศอัดที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน 9 มม. หรือ 3/8 นิ้ว เพื่อเชื่อมต่อกับช่องลมเข้าที่ด้านหลังของตัวเครื่อง

  • ระยะห่างจากพื้นถึงช่องลมเข้าของเครื่อง Q-FOG ที่ติดตั้งล้อเลื่อนจะอยู่ที่ประมาณ 67.3 ซม. (26.5 นิ้ว) ส่วนเครื่องที่ไม่มีล้อเลื่อนจะอยู่ที่ประมาณ 60 ซม. (23.6 นิ้ว)


แรงดัน Compressed Air ที่เครื่อง Q-FOG ต้องการ


ree
ree


สามารถอ่านรายละเอียดระบบ Compress Air ของ Q-FOG เพิ่มเติมได้ที่นี่

Q-FOG SSP และ CCT (หัวข้อ Compress Air หน้าที่ 24)

Q-FOG CRH (หัวข้อ Compress Air หน้าที่ 35-36)




5. การระบายไอเกลือ


  • เครื่องทดสอบ Q-FOG ทุกเครื่องต้องมีระบบระบายอากาศออกภายนอกอาคาร

  • ไม่แนะนำให้ใช้ระบบ Mechanical Extraction ในการติดตั้งท่อระบายอากาศของเครื่อง Q-FOG

  • เครื่อง Q-FOG ระบายอากาศออกจากห้องทดสอบในอัตราประมาณ 60 CFM

  • เพื่อให้ระบบระบายอากาศทำงานได้อย่างถูกต้อง ห้องที่ติดตั้งเครื่อง Q-FOG จะต้องมีอากาศใหม่ (make up air) เข้ามาในอัตรา 60 CFM ด้วยเช่นกัน

  • การระบายความร้อนของรุ่น SSP600 และ CCT600 อยู่ที่ 1,000 W 

  • การระบายอากาศที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันละอองเกลือที่กัดกร่อนไม่ให้เข้าสู่ห้องปฏิบัติการ และรับประกันประสิทธิภาพที่ถูกต้องของเครื่อง Q-FOG

  • อากาศจะถูกระบายออกจากห้องทดสอบผ่านท่อระบายอากาศขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก 114 มม. (4.5 นิ้ว)

  • ผู้ใช้งานต้องเชื่อมต่อกับระบบระบายอากาศที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางภายในอย่างน้อย 102 มม. (4.0 นิ้ว)

  • เนื่องจากลักษณะการกัดกร่อนของไอระบายอากาศ จึงแนะนำอย่างยิ่งให้ใช้ท่อพลาสติก

  • ความยาวของระบบท่อระบายอากาศต้องน้อยกว่า 30 เมตร (100 ฟุต) และมีข้อต่อหักมุม 90° น้อยกว่า 10 จุด

  • หากจำเป็นต้องใช้ท่อยาวกว่านี้หรือมีข้อต่อหักมุมมากกว่านี้ อาจเกิดแรงดันย้อนกลับในห้องทดสอบ ซึ่งอาจทำให้ละอองเกลือเข้าไปในห้องปฏิบัติการ หรือลดประสิทธิภาพของเครื่องทดสอบได้

  • แนะนำให้ติดตั้งข้อต่อแบบ "tee" ที่ปลายท่อระบายอากาศเพื่อลดความเสี่ยงจากแรงดันย้อนกลับที่เกิดจากกระแสลม

  • ควรติดตั้งตะแกรงที่ปลายท่อระบายอากาศเพื่อป้องกันนกและสัตว์ขนาดเล็ก

  • เครื่อง Q-FOG จะต้องมีระบบระบายอากาศออกภายนอกอาคาร

  • เนื่องจากอาจมีของเหลวจากละอองเกลือควบแน่นอยู่ภายในท่อระบายอากาศ จึงแนะนำให้ติดตั้งท่อระบายอากาศโดยให้มีความลาดเอียง (Slope) เพื่อให้ของเหลวไหลกลับเข้าสู่ห้องทดสอบหรือไหลออกไปยังท่อระบายน้ำ หากไม่ทำตามนี้ อาจทำให้ของเหลวสะสมในท่อระบายอากาศจนเกิดแรงดันย้อนกลับและส่งผลกระทบต่อการทำงานของห้องทดสอบได้

  • ควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งทุกรูปแบบที่อาจก่อให้เกิดการกักขังความชื้น

  • ไม่แนะนำให้ใช้ท่ออ่อน (Flexible Tubing) เนื่องจากมีโอกาสที่จะเกิดการกักขังความชื้น ซึ่งเมื่อมีปริมาณความชื้นสะสมมากเกินไป อาจเพิ่มน้ำหนักกดทับบนท่อระบายอากาศได้


Compressed Air
Compressed Air


หมายเหตุ:   ท่อระบายไอเกลือ ไม่ได้ ถูกจัดมาให้พร้อมกับเครื่องทดสอบ Q-FOG ผู้ใช้งานจะต้องจัดหาท่อระบายที่มีขนาดเหมาะสมเพื่อใช้เชื่อมต่อเครื่อง Q-FOG


สามารถอ่านรายละเอียดระบบระบายไอเกลือ ของ Q-FOG เพิ่มเติมได้ที่นี่

Q-FOG SSP และ CCT (หัวข้อ Venting หน้าที่ 31-36 )


Q-FOG CRH (หัวข้อ Venting หน้าที่ 44-49)




6. สภาพแวดล้อมโดยรอบ


สภาพแวดล้อมโดยรอบของห้องปฏิบัติการควรได้รับการดูแลให้สะอาด ปราศจากฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกที่อาจเข้าไปในเครื่องได้ นอกจากนี้ ควรควบคุมอุณหภูมิในห้องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และงานทดสอบ


  • อุณหภูมิห้องอยู่ที่ระหว่าง   23 ± 5 °C และมีความชื้นสัมพัทธ์ในห้อง 50 ± 25% RH

  • ห้องที่สะอาด ปราศจากฝุ่นที่เกิดจากโลหะ เส้นใยคาร์บอน เม็ดสี หรือหมอกเกลือ รวมไปถึงห้องที่มีเครื่องจักรหรือกระบวนการที่ก่อให้เกิดฝุ่น หรือหมอกเกลือ และแก๊ส

  • ห้องที่มีระบบ HVAC หรือห้องที่มีเครื่องปรับอากาศเป็นอย่างน้อย

  • สำคัญมาก!! ห้ามวางเครื่อง Q-SUN และ QUV ไว้ในห้องเดียวกันกับ Q-Fog หรือเครื่อง Corrosion Tester โดยเด็ดขาด

  • ห้ามวางเครื่อง Q-FOG ใกล้หน้าต่าง หรือเครื่องที่สร้างอุณหภูมิร้อน/เย็น

  • แหล่งจ่ายไฟฟ้าที่จ่ายให้กับเครื่อง Q-FOG จะต้องไม่สูงเกิน 10% หรือต่ำกว่า 90% ของแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดในเครื่องทดสอบ

  • ห้องที่ไม่มีปัญหาน้ำรั่วจากเพดาน เพราะจะทำให้เครื่องทดสอบเสียหายด้านระบบไฟฟ้า กรณีน้ำเข้าสู่เครื่องทดสอบ



ree
ree
ree

สามารถดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็ม เพื่อตรวจสอบการเตรียมความพร้อมใช้งานเครื่อง Q-FOG (Quick Setup Guide) ได้ที่นี่






โดยสรุป:

การเตรียมความพร้อมของห้องปฏิบัติการก่อนการติดตั้งเครื่องทดสอบ Q-LAB เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่ง การวางแผนที่ดีตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยให้การติดตั้งราบรื่น เครื่องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานยาวนาน


เพื่อให้มั่นใจว่าห้องปฏิบัติการของท่านเหมาะสมสำหรับการติดตั้งเครื่อง Q-FOG ทีมงานของเรายินดีที่จะเข้าตรวจสอบสภาพแวดล้อมในพื้นที่ของท่านก่อนการติดตั้งทุกครั้ง เพราะเราเชื่อว่าการลงทุนในเครื่องทดสอบคือการลงทุนในคุณภาพ เราจึงพร้อมดูแลทุกขั้นตอนเพื่อให้ท่านได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้งาน

Comments


bottom of page